• Welcome to รอบรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง.
 

ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ มีกี่แบบ

เริ่มโดย ruataewada, ต.ค 02, 2023, 09:16 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

ruataewada



ใช้ที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร ปลูกแค่ 1 ไร่ก็ทำได้ จ่ายภาษีเพียง 0.01%
ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ได้กำหนดอัตราขั้นต่ำของจำนวนไม้ต้น ไม้ผล ต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จึงจะสามารถเรียกว่าใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมได้และจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียง 0.01% เท่านั้น แต่หากปล่อยให้รกร้างหรือใช้ประโยชน์ด้านอื่นจะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.30% ซึ่งมากกว่าภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 30 เท่า
หลายคนจึงหันมาเปลี่ยนที่ดินเปล่า เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งที่ง่ายที่สุดและเห็นกันเกลื่อนตาคือการปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าว แต่รู้หรือไม่ยังมีไม้ผลอีกหลายชนิดที่สามารถปลูกในที่ดินเพื่อประกอบการเกษตรได้

•อัปเดตอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามความหมายของคำว่า "ประกอบการเกษตร" ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม แต่ไม่รวมถึงการทำการประมงและการทอผ้า การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรยังหมายความรวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้นด้วย

การกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565-2566 โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.01-0.1%
ที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น
2.1 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.03-0.1%
2.2 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
2.3 บ้านหลังอื่น ๆ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
การใช้ประโยชน์อื่น หรือใช้เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่ดินว่างเปล่าที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada



ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับที่ดินบางประเภท
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับการลดภาษีตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 ให้ลดภาษีในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตัวอย่างกรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เคยได้รับการลดภาษี ได้แก่ โรงพยาบาล ร้านทำผม ร้านอาหาร ร้านล้างรถ และห้างสรรพสินค้า
2. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการลดภาษี 50% ตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 เมื่อคำนวณลดภาษีในอัตรา 50% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสียแล้ว ให้ลดภาษีลงอีกในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่ลดไปแล้ว 50% ตัวอย่างกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้รับการลดภาษี 50% ได้แก่
– ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เฉพาะทรัพย์สินที่บุคคลดังกล่าวได้มาทางมรดกและได้จดทะเบียนแล้วก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2562
– ที่ดินที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า
– ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นเขื่อน
3. กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้รับการลดภาษี 90% ตามพ.ร.ฎ.ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 แล้ว จะไม่ได้รับการลดภาษีเพิ่มอีก เนื่องจากมาตรา 55 แห่ง พร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 จะมีอัตราการลดภาษีสูงสุดอยู่ที่ 90% ได้แก่
– โรงเรียนในระบบ
– โรงเรียนนอกระบบ (ประเภทสอนศาสนา ตาดีกา ปอเนาะ)
– สวนสัตว์ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
– สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม ตาข่ายถัก

ที่มา ddproperty

ruataewada

**ปลูกพืชมุงหลังคา**

การปลูกพืชมุงหลังคาเป็นแนวคิดใหม่ ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองได้ อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดมลพิษได้อีกด้วย

การปลูกพืชมุงหลังคาสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทของพืชและลักษณะของหลังคา เช่น

* **ปลูกในกระถาง** เหมาะสำหรับหลังคาที่มีพื้นที่จำกัด เลือกปลูกพืชที่ไม่ต้องการพื้นที่มาก เช่น ผักสวนครัวขนาดเล็ก ไม้ประดับ เป็นต้น
* **ปลูกลงดิน** เหมาะสำหรับหลังคาที่มีพื้นที่กว้างขวาง เลือกปลูกพืชขนาดใหญ่ เช่น ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม เป็นต้น
* **ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์** เป็นการปลูกพืชโดยไม่ต้องใช้ดิน เหมาะสำหรับหลังคาที่มีความลาดชันสูงหรือหลังคาที่มีน้ำหนักเบา

การเลือกพืชที่จะปลูก ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

* **สภาพอากาศ** ควรเลือกพืชที่ทนต่อสภาพอากาศในพื้นที่นั้น ๆ เช่น พืชที่ชอบแดดจัด พืชที่ชอบร่มรำไร เป็นต้น
* **ความต้องการแสงแดด** ควรเลือกพืชที่มีความต้องการแสงแดดที่เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น พืชที่ต้องการแดดจัด พืชที่ต้องการร่มรำไร เป็นต้น
* **ความต้องการน้ำ** ควรเลือกพืชที่มีความต้องการน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น พืชที่ชอบน้ำมาก พืชที่ชอบน้ำน้อย เป็นต้น

การดูแลรักษาพืชให้เจริญเติบโตดี ควรปฏิบัติดังนี้

* **รดน้ำ** ควรรดน้ำให้เพียงพอ โดยสังเกตจากสภาพดิน หากดินแห้งควรรดน้ำทันที
* **ให้ปุ๋ย** ควรให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกปุ๋ยที่เหมาะสมกับชนิดของพืช
* **กำจัดวัชพืช** ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งน้ำและสารอาหารจากพืช
* **ตัดแต่งกิ่ง** ควรตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี

การปลูกพืชมุงหลังคามีข้อดีมากมาย ดังนี้

* **ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง**
* **ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดมลพิษ**
* **ช่วยดูดซับความร้อนจากแสงแดด**
* **ช่วยป้องกันเสียงรบกวน**
* **ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอาคาร**

การปลูกพืชมุงหลังคาเป็นแนวคิดที่มีประโยชน์และยั่งยืน เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างเมืองที่น่าอยู่และน่าอาศัย

รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada

**เลี้ยงสุนัข เพื่อนคู่ใจ มิตรแท้**

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่แสนรู้ เชื่อง และสามารถเป็นเพื่อนคู่ใจได้เป็นอย่างดี การเลี้ยงสุนัขเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินและความสุขให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก

**การเตรียมการเลี้ยงสุนัข**

ก่อนเลี้ยงสุนัขควรเตรียมการดังนี้

* **ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสุนัข** ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์สุนัข นิสัยและความต้องการพื้นฐานของสุนัข เพื่อให้สามารถเลี้ยงสุนัขได้อย่างเหมาะสม
* **เตรียมความพร้อมด้านสถานที่** ควรเตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงสุนัขให้เพียงพอกับขนาดของสุนัข
* **เตรียมอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงสุนัข** ควรเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเลี้ยงสุนัข เช่น อาหาร น้ำดื่ม ชามอาหาร ชามน้ำ เปลนอน ของเล่น เป็นต้น

**การดูแลรักษาสุนัข**

การดูแลรักษาสุนัขสามารถทำได้ดังนี้

* **ให้อาหารสุนัข** ควรให้อาหารสุนัขอย่างสม่ำเสมอ อาหารสุนัขควรมีครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่
* **ให้น้ำดื่มสุนัข** ควรให้น้ำดื่มสุนัขอย่างสะอาดและเพียงพอ
* **พาสุนัขไปเดินเล่น** ควรพาสุนัขไปเดินเล่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สุนัขได้ออกกำลังกายและผ่อนคลาย
* **ฝึกสอนสุนัข** ควรฝึกสอนสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่ง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
* **พาสุนัขไปตรวจสุขภาพ** ควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

**ข้อดีของการเลี้ยงสุนัข**

* เป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนรู้ เชื่อง และสามารถเป็นเพื่อนคู่ใจได้เป็นอย่างดี
* สามารถช่วยปกป้องเจ้าของจากอันตรายได้
* สามารถช่วยบำบัดความเครียดและโรคซึมเศร้าได้
* สามารถนำสุนัขไปฝึกฝนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือต่างๆ เช่น ตำรวจ ทหาร กู้ภัย เป็นต้น

**ข้อเสียของการเลี้ยงสุนัข**

* ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ
* อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านมลภาวะได้ เช่น เสียงเห่า กลิ่นมูลสุนัข เป็นต้น
* อาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาได้ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่ายา เป็นต้น

**ช่องทางการหาสุนัขมาเลี้ยง**

สามารถหาสุนัขมาเลี้ยงได้จากแหล่งต่างๆ ดังนี้

* ซื้อจากฟาร์มสุนัข
* รับเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์สัตว์
* หามาเลี้ยงจากเพื่อนหรือญาติ

การเลี้ยงสุนัขเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินและความสุขให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก เพียงศึกษาข้อมูลและเตรียมการอย่างรอบคอบก็สามารถเลี้ยงสุนัขให้มีความสุขได้

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ruataewada

**เลี้ยงแกะ อาชีพเสริม รายได้ดี**

การเลี้ยงแกะเป็นอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่ลงทุนไม่มาก ดูแลไม่ยุ่งยาก และสามารถให้ผลผลิตได้หลายอย่าง เช่น เนื้อ แกะพันธุ์ขน และมูลแกะ เลี้ยงแกะเป็นอาชีพเสริมสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

**การเตรียมการเลี้ยงแกะ**

ก่อนเลี้ยงแกะควรเตรียมการดังนี้

* **เลือกพื้นที่เลี้ยง** พื้นที่เลี้ยงควรมีแสงแดดส่องถึง มีอากาศถ่ายเทสะดวก และอยู่ห่างจากแหล่งชุมชน
* **สร้างคอกแกะ** คอกแกะควรมีขนาดใหญ่พอสำหรับจำนวนแกะที่จะเลี้ยง คอกควรมีหลังคาเพื่อป้องกันแดดและฝน มีประตูและหน้าต่างระบายอากาศ
* **เตรียมอุปกรณ์เลี้ยงแกะ** อุปกรณ์เลี้ยงแกะ ได้แก่ อาหารแกะ น้ำดื่มแกะ หญ้าแห้ง กรงเลี้ยงแกะ

**การดูแลรักษาแกะ**

การดูแลรักษาแกะสามารถทำได้ดังนี้

* **ให้อาหารแกะ** ควรให้อาหารแกะอย่างสม่ำเสมอ อาหารแกะควรมีครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่
* **ให้น้ำดื่มแกะ** ควรให้น้ำดื่มแกะอย่างสะอาดและเพียงพอ
* **ทำความสะอาดคอกแกะ** ควรทำความสะอาดคอกแกะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของแกะ
* **ป้องกันโรคแกะ** ควรหมั่นตรวจสุขภาพแกะอย่างสม่ำเสมอ และป้องกันโรคแกะตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

**เคล็ดลับการเลี้ยงแกะ**

* เลือกสายพันธุ์แกะที่เหมาะกับความต้องการของตนเอง
* เตรียมการเลี้ยงแกะให้พร้อมก่อนเลี้ยง
* ดูแลรักษาแกะอย่างสม่ำเสมอ

การเลี้ยงแกะเป็นอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่ลงทุนไม่มาก ดูแลไม่ยุ่งยาก และสามารถให้ผลผลิตได้หลายอย่าง เพียงปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นก็สามารถเลี้ยงแกะให้ประสบความสำเร็จ

**ข้อดีของการเลี้ยงแกะ**

* ลงทุนเริ่มต้นไม่สูง
* ดูแลไม่ยุ่งยาก
* สามารถให้ผลผลิตได้หลายอย่าง
* ทนทานต่อสภาพอากาศและโรคภัยไข้เจ็บ
* ตลาดมีความต้องการสูง

**ข้อเสียของการเลี้ยงแกะ**

* ต้องใช้แรงงานค่อนข้างมาก
* เสี่ยงต่อโรคระบาด

**ช่องทางการจำหน่ายผลผลิตแกะ**

* ขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง
* ขายปลีกให้กับผู้บริโภคโดยตรง
* แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เนื้อแกะสด เนื้อแกะแช่แข็ง แกะพันธุ์ขน ฯลฯ

การเลี้ยงแกะเป็นอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพียงศึกษาข้อมูลและเตรียมการอย่างรอบคอบก็สามารถเลี้ยงแกะให้ประสบความสำเร็จ

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม ตาข่ายถัก

ruataewada

**เลี้ยงม้า อาชีพเสริมที่ต้องใช้ความเอาใจใส่**


ม้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่สง่างามและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น การกีฬา การขนส่ง และการท่องเที่ยว เลี้ยงม้าเป็นอาชีพเสริมที่ต้องใช้ความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก

**การเตรียมการเลี้ยงม้า**

ก่อนเลี้ยงม้าควรเตรียมการดังนี้

* **เลือกพื้นที่เลี้ยง** พื้นที่เลี้ยงควรมีแสงแดดส่องถึง มีอากาศถ่ายเทสะดวก และอยู่ห่างจากแหล่งชุมชน
* **สร้างคอกม้า** คอกม้าควรมีขนาดใหญ่พอสำหรับจำนวนม้าที่จะเลี้ยง คอกควรมีหลังคาเพื่อป้องกันแดดและฝน มีประตูและหน้าต่างระบายอากาศ
* **เตรียมอุปกรณ์เลี้ยงม้า** อุปกรณ์เลี้ยงม้า ได้แก่ อาหารม้า น้ำดื่มม้า หญ้าแห้ง กรงเลี้ยงม้า

**การดูแลรักษาม้า**

การดูแลรักษาม้าสามารถทำได้ดังนี้

* **ให้อาหารม้า** ควรให้อาหารม้าอย่างสม่ำเสมอ อาหารม้าควรมีครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่
* **ให้น้ำดื่มม้า** ควรให้น้ำดื่มม้าอย่างสะอาดและเพียงพอ
* **ทำความสะอาดคอกม้า** ควรทำความสะอาดคอกม้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของม้า
* **ดูแลสุขภาพม้า** ควรหมั่นตรวจสุขภาพม้าอย่างสม่ำเสมอ และป้องกันโรคม้าตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

**เคล็ดลับการเลี้ยงม้า**

* เลือกสายพันธุ์ม้าที่เหมาะกับความต้องการของตนเอง
* เตรียมการเลี้ยงม้าให้พร้อมก่อนเลี้ยง
* ดูแลรักษาม้าอย่างสม่ำเสมอ

การเลี้ยงม้าเป็นอาชีพเสริมที่ต้องใช้ความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เนื่องจากม้าเป็นสัตว์ที่เลี้ยงยากและต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพียงปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นก็สามารถเลี้ยงม้าให้ประสบความสำเร็จ

**ข้อดีของการเลี้ยงม้า**

* เป็นสัตว์ที่สง่างามและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
* สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

**ข้อเสียของการเลี้ยงม้า**

* ลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูง
* ดูแลยากและต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
* เสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ

**ช่องทางการจำหน่ายผลผลิตม้า**

* ขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง
* ขายปลีกให้กับผู้บริโภคโดยตรง
* ฝึกสอนม้าเพื่อใช้ในกีฬา การขนส่ง หรือการท่องเที่ยว

การเลี้ยงม้าเป็นอาชีพเสริมที่ต้องใช้ความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เพียงศึกษาข้อมูลและเตรียมการอย่างรอบคอบก็สามารถเลี้ยงม้าให้ประสบความสำเร็จ

ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม

ruataewada

**เลี้ยงปลากัด สัตว์เลี้ยงสวยงาม เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก**

ปลากัดเป็นสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม เนื่องจากมีสีสันสวยงามและมีความดุดัน ปลากัดเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันทั้งในหมู่เด็กและผู้ใหญ่

**การเตรียมการเลี้ยงปลากัด**

ก่อนเลี้ยงปลากัดควรเตรียมการดังนี้

* **เลือกสายพันธุ์ปลากัด** ควรเลือกสายพันธุ์ปลากัดที่เหมาะกับความต้องการของตนเอง ที่นิยมเลี้ยงกัน ได้แก่ ปลากัดไทย ปลากัดหม้อ และปลากัดฮาร์ฟมูน
* **เลือกภาชนะเลี้ยงปลากัด** ภาชนะเลี้ยงปลากัดควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนปลาที่จะเลี้ยง ภาชนะควรมีฝาปิดเพื่อป้องกันปลากัดกระโดดออก
* **เตรียมน้ำเลี้ยงปลากัด** ควรใช้น้ำประปาที่ผ่านการตกตะกอนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
* **เตรียมอาหารปลากัด** อาหารปลากัดควรเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปหรืออาหารสด เช่น ลูกน้ำ ไรแดง เป็นต้น

**การดูแลรักษาปลากัด**

การดูแลรักษาปลากัดสามารถทำได้ดังนี้

* **เปลี่ยนน้ำปลากัด** ควรเปลี่ยนน้ำปลากัดทุกสัปดาห์ ประมาณ 25-50% ของปริมาณน้ำทั้งหมด
* **ให้อาหารปลากัด** ควรให้อาหารปลากัดวันละ 2 ครั้ง ปริมาณพอประมาณ
* **ทำความสะอาดภาชนะเลี้ยงปลากัด** ควรทำความสะอาดภาชนะเลี้ยงปลากัดสัปดาห์ละครั้ง
* **ตรวจสุขภาพปลากัด** ควรตรวจสุขภาพปลากัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

**ข้อดีของการเลี้ยงปลากัด**

* เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก
* มีสีสันสวยงาม
* มีความดุดัน
* เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยม

**ข้อเสียของการเลี้ยงปลากัด**

* อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว
* อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านมลภาวะได้ เช่น กลิ่นน้ำ เป็นต้น

**ช่องทางการหาปลากัดมาเลี้ยง**

สามารถหาปลากัดมาเลี้ยงได้จากแหล่งต่างๆ ดังนี้

* ซื้อจากฟาร์มปลากัด
* หามาเลี้ยงจากเพื่อนหรือญาติ

การเลี้ยงปลากัดเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินและความสุขให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก เพียงศึกษาข้อมูลและเตรียมการอย่างรอบคอบก็สามารถเลี้ยงปลากัดให้มีความสุขได้

รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada

**ที่ดินกรุงเทพ ทรัพยากรสำคัญที่มีจำกัด**

กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศ ส่งผลให้ความต้องการใช้ที่ดินในกรุงเทพมหานครมีสูงอย่างต่อเนื่อง

ที่ดินในกรุงเทพมหานครมีราคาสูง เนื่องจากเป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูง ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางและเข้าถึงสาธารณูปโภคต่างๆ มากมาย ส่งผลให้ที่ดินในกรุงเทพมหานครเป็นที่ต้องการจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป

ความต้องการใช้ที่ดินในกรุงเทพมหานครที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ส่งผลให้ที่ดินกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง และกลายเป็นเป้าหมายของนักลงทุนจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ที่ดินในกรุงเทพมหานครมีจำนวนจำกัด เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูง ส่งผลให้ที่ดินในกรุงเทพมหานครเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด

การใช้ประโยชน์ที่ดินในกรุงเทพมหานครจึงควรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อไม่ให้ที่ดินถูกใช้อย่างสิ้นเปลือง และเพื่อให้ที่ดินยังคงสามารถใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว

**ปัจจัยที่มีผลต่อราคาที่ดินในกรุงเทพมหานคร**

ราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครมีปัจจัยหลายประการที่มีผลต่อราคา ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่

* **ทำเลที่ตั้ง** ที่ดินที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางและเข้าถึงสาธารณูปโภคต่างๆ มากมาย จะมีราคาสูงกว่าที่ดินที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ห่างไกล
* **ขนาดที่ดิน** ที่ดินที่มีขนาดกว้างขวาง จะมีราคาสูงกว่าที่ดินที่มีขนาดแคบ
* **ศักยภาพในการพัฒนา** ที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูง เช่น ที่ดินที่มีทำเลติดถนนใหญ่ ที่ดินที่มีที่ดินว่างเปล่า ที่ดินที่มีสาธารณูปโภคครบครัน จะมีราคาสูงกว่าที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่ำ
* **ความต้องการใช้ที่ดิน** ที่ดินที่มีความต้องการใช้สูง จะมีราคาสูงกว่าที่ดินที่มีความต้องการใช้ต่ำ

**แนวโน้มราคาที่ดินในกรุงเทพมหานคร**

ราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการใช้ที่ดินในกรุงเทพมหานครมีสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองอาจมีผลต่อราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครได้เช่นกัน

หากเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดี ราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครก็จะมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัว หรือมีปัจจัยทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศไทย ราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครก็อาจลดลงได้

**แนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินในกรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน**

การใช้ประโยชน์ที่ดินในกรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน มีแนวทางดังนี้

* **การใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน** หมายถึง การใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
* **การอนุรักษ์ที่ดิน** หมายถึง การป้องกันไม่ให้ที่ดินเสื่อมโทรม โดยการรักษาสภาพทางกายภาพและเคมีของดินให้คงอยู่
* **การฟื้นฟูที่ดิน** หมายถึง การนำที่ดินที่เสื่อมโทรมกลับคืนสู่สภาพเดิมหรือสภาพที่ดีขึ้น

ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปควรร่วมมือกันในการใช้ประโยชน์ที่ดินในกรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อให้ที่ดินยังคงเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ

รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada

**ปลูกพืชในน้ำ ง่าย สะดวก ปลอดสารพิษ**

การปลูกพืชในน้ำเป็นเทคนิคการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน โดยนำรากของพืชมาแช่อยู่ในน้ำที่ผสมสารละลายอาหารพืช การปลูกพืชในน้ำมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

* **ประหยัดพื้นที่** การปลูกพืชในน้ำไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก สามารถปลูกได้ในพื้นที่จำกัด เช่น บนระเบียง บนโต๊ะ หรือแม้แต่ในห้องน้ำ
* **สะดวกในการดูแลรักษา** ไม่จำเป็นต้องพรวนดินหรือกำจัดวัชพืช เพียงแค่เติมน้ำและสารละลายอาหารพืชให้เพียงพอ
* **ปลอดสารพิษ** การปลูกพืชในน้ำไม่ใช้สารเคมีในการปลูก จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค

**วิธีการปลูกพืชในน้ำ**

การปลูกพืชในน้ำสามารถทำได้หลายวิธี ที่นิยมกัน ได้แก่

* **การปลูกพืชในแก้วน้ำ** เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงแค่นำต้นกล้าหรือเมล็ดพืชมาแช่ไว้ในแก้วน้ำที่ผสมสารละลายอาหารพืช
* **การปลูกพืชในกระถางไฮโดรโปนิกส์** เป็นวิธีที่สะดวกและสวยงาม กระถางไฮโดรโปนิกส์มีหลายรูปแบบให้เลือก วัสดุที่ใช้ปลูกพืชในกระถางไฮโดรโปนิกส์ ได้แก่ หินภูเขาไฟ หินกรวด หินโรย หรือวัสดุสังเคราะห์
* **การปลูกพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์** เป็นระบบการปลูกพืชในน้ำที่มีอุปกรณ์และการควบคุมที่ซับซ้อนกว่าการปลูกพืชในแก้วน้ำหรือกระถางไฮโดรโปนิกส์ ระบบไฮโดรโปนิกส์มีหลายประเภทให้เลือก ที่นิยมกัน ได้แก่ ระบบหยด ระบบน้ำวน ระบบน้ำนิ่ง เป็นต้น

**พืชที่ปลูกในน้ำได้**

พืชที่ปลูกในน้ำได้มีหลายชนิด ที่นิยมปลูก ได้แก่

* **ผักใบ** เช่น ผักกาดหอม ผักบุ้งจีน ผักชี ต้นหอม คะน้า เป็นต้น
* **ผักผลไม้** เช่น แตงกวา มะเขือเทศ มะเขือยาว เป็นต้น
* **ไม้ประดับ** เช่น เศรษฐีเรือนใน ว่านหางจระเข้ เฟิร์น เป็นต้น

**การดูแลรักษาพืชที่ปลูกในน้ำ**

การดูแลรักษาพืชที่ปลูกในน้ำมีดังนี้

* **เปลี่ยนน้ำ** ควรเปลี่ยนน้ำทุก 2-3 วัน หรือเมื่อน้ำเริ่มมีตะกอน
* **เติมสารละลายอาหารพืช** ควรเติมสารละลายอาหารพืชตามคำแนะนำบนฉลาก
* **แสงแดด** พืชที่ปลูกในน้ำต้องการแสงแดดเพียงพอ ควรวางกระถางหรือแก้วน้ำปลูกพืชในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง

การปลูกพืชในน้ำเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ง่าย ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดหรือต้องการปลูกพืชปลอดสารพิษ การปลูกพืชในน้ำเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากมาย นอกจากจะทำให้เรามีพืชผักสด ๆ ไว้รับประทานแล้ว ยังทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและการปลูกพืชอีกด้วย

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ruataewada

**เลี้ยงไก่ แบบง่าย**

การเลี้ยงไก่เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากไก่เป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงง่าย โตไว และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ไข่ไก่ เนื้อไก่ เป็นต้น

การเลี้ยงไก่แบบง่าย สามารถทำได้ดังนี้

1. **เลือกสายพันธุ์ไก่** ควรเลือกสายพันธุ์ไก่ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง เช่น หากต้องการเลี้ยงเพื่อเก็บไข่ ควรเลือกสายพันธุ์ไก่ที่วางไข่ดก เช่น โรดไอแลนด์เรด เลห์กอร์ เป็นต้น หากต้องการเลี้ยงเพื่อเก็บเนื้อ ควรเลือกสายพันธุ์ไก่ที่โตเร็วและให้เนื้อเยอะ เช่น ไก่เบตเตอร์คอก เป็นต้น

2. **เตรียมสถานที่เลี้ยง** สถานที่เลี้ยงไก่ควรเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก อยู่ห่างจากแหล่งมลพิษ และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงไก่

3. **เตรียมอุปกรณ์เลี้ยง** อุปกรณ์เลี้ยงไก่ที่จำเป็น ได้แก่ กรงเลี้ยง อาหารไก่ น้ำดื่มไก่

4. **เลี้ยงไก่** การดูแลไก่เลี้ยงง่าย ๆ สามารถทำได้ดังนี้

* รดน้ำให้ไก่วันละ 1-2 ครั้ง
* ให้อาหารไก่วันละ 2-3 ครั้ง
* เก็บไข่ไก่ทุกวัน
* ทำความสะอาดกรงเลี้ยงไก่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

5. **ป้องกันโรค** ควรหมั่นสังเกตอาการของไก่ หากพบอาการผิดปกติควรรีบนำไก่ไปพบสัตวแพทย์

ตัวอย่างสายพันธุ์ไก่ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย ได้แก่

* **ไก่ไข่** เช่น โรดไอแลนด์เรด เลห์กอร์ ฮินดูบราห์มัน
* **ไก่เนื้อ** เช่น ไก่เบตเตอร์คอก ไก่โรดไอแลนด์แดง ไก่ฮาน
* **ไก่พื้นเมือง** เช่น ไก่ชน ไก่แจ้ ไก่บ้าน

การเลี้ยงไก่แบบง่าย สามารถทำได้ตามขั้นตอนข้างต้น เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ไก่เลี้ยงไว้รับประทานหรือจำหน่ายสร้างรายได้

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง