ดอลลี่อาย (https://www.double-clinic.com/dollyeyeandfoxyeye/)คืออะไร ฟ็อกซี่อายทำยังไง การยกหางตายกคิ้วมีกี่วิธี วิธีไหนสามารถทำร่วมกับการทำตาสองชั้นได้บ้าง ทำแค่ตาสองชั้นจะทำให้ตาเฉี่ยวขึ้นมั้ย บทความข้างล่างมีคำตอบ
ดอลลี่อาย (https://www.double-clinic.com/dollyeyeandfoxyeye/)การฉีดดอลลี่อายคือ
การทำให้กระเปาะเล็กๆบริเวณขอบตาล่างมีความโตขึ้น ทำให้ดวงตาดูสดใสและน่ารักมากกว่าเดิม ในบางคนอาจจะมีดอลลี่อายตั้งแต่เกิด แต่สำหรับคนที่ไม่มีแพทย์สามารถเติมไขมันหรือ filler เข้าไปบริเวณขอบตาล่างเพื่อสร้างดอลลี่อายได้ การฉีดดอลลี่อายโดยมากจะไม่ฉีดยาชา แต่จะทายาชาก่อนฉีดประมาน 30 นาที หลังฉีดแพทย์จะต้องทำการปั้นให้ฟิลเลอร์หรือไขมันเข้ารูป หลังฉีดดอลลี่อายจะอยู่ได้ 1-2 ปี หลังฉีดดอลลี่อายไปกระเปาะใต้ตาจะดูมี volume มากขึ้น
การเติมดอลลี่อาย อาจจะทำให้ดวงตาที่ดูไม่เท่ากันในตอนแรกเห็นชัดมากยิ่งขึ้นว่าไม่เท่ากัน เนื่องจากบริเวณรอบดวงตามีเส้นเลือดขนาดเล็กมาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก การฉีดดอลลี่อายอาจจะทำให้เกิดรอยเขียวช้ำหลังฉีดได้ทันที นอกจากนั้นบริเวณขอบตาชั้นล่างเป็นบริเวณที่ผิวหนังค่อนข้างบาง การเติมดอลลี่อายโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์สามารถทำให้เกิด tyndall effect ดูไม่สวยงามได้
อ้างถึงแต่สำหรับคนที่ไม่มีแพทย์สามารถเติมไขมันหรือ filler เข้าไปบริเวณขอบตาล่างเพื่อสร้างดอลลี่อายได้
ยกหางตาหรือยกคิ้วแบบฟ็อกซี่อายปัญหาของผู้หญิงที่มีอายุส่วนหนึ่งคือหางตาตกและรอยตีนกาจากคอลลาเจนที่ลดลง ทำให้มีการหย่อยคล้อยของหนังตา ปิดชั้นตาเดิมของเราได้
ในปกติคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ตาและคิ้วจะเริ่มตกลงทางด้านข้างก่อนเสมอ ทำให้เกิดหางตาตก หางคิ้วตกและรอบตีนกาได้ หากคนไข้อยากได้หางตาหางคิ้วที่ดูเฉี่ยวมากขึ้นแบบ foxy eye สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การทำตาสองชั้น เก็บหนังตาส่วนเกินด้านข้างมากขึ้น ข้อเสียคือจะมีแผลที่ค่อนข้างยาว ทำให้มีแผลเป็นใหญ่
- การยกคิ้วแบบ sub-brow lift คือการยกคิ้วขึ้นโดยซ่อนรอยแผลเป็นใต้คิ้ว โดยปกติจะใช้เวลาผ่าตัดประมาน 30 นาที ข้อเสียคือหากทำโดยผิดวิธีจะทำให้หางตาขึ้นอย่าเดียว แต่หางคิ้วจะยังตกอยู่เหมือนเดิม
- การยกคิ้วแบบ temporal-brow lift คือการดึงหน้าขึ้นเฉพาะช่วงบนบริเวณหน้าผากหรือ 1 ใน 3 บริเวณส่วนบนของใบหน้า การทำ temporal brow lift จะเป็นการลงแผลความยาวประมาน 1 นิ้วบริเวณขมับซ่อนในไรผม จากนั้นจะยกขึ้นตามความต้องการของคนไข้ ข้อดีคือเป็นการซ่อนรอยแผลเป็นและทำให้หน้าโดยรวมดูเด็กขึ้น ข้อเสียคือต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาน 1 สัปดาห์
- การยกหางตาโดยใช้การร้อยไหม ข้อดีคือไม่ใช่การผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน สามารถทำงานได้เลยวันถัดไป แต่ข้อเสียคือไหมสามารถละลายหายไปได้ ทำให้หางตาและหางคิ้วกลับมาตกเหมือนเดิม
การทำตาสองชั้นและการยกหางตายกคิ้วจะเป็นการผ่าตัดคนละอย่าง แพทย์จะเป็นคนประเมินว่ารูปตาแบบไหนควรทำแต่ศัลยกรรมตาสองชั้น รูปตาแบบไหนควรทำยกหางตาหรือทำตาเฉี่ยว ซึ่งในการรักษาสามารถทำได้พร้อมกันใน visit เดียวกันได้เลย
การมีดวงตาที่สวยนอกจากชั้นตาที่ความสูงพอเหมาะแล้ว กระเปาะดอลลี่อายและปริมาณคอลลาเจนบริเวณคิ้วและรอบดวงตาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้รูปตาของเราออกมาสวยงาม การประเมินก่อนทำศัลยกรรมบริเวณรอบดวงตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ซึ่งในการรักษาสามารถทำได้พร้อมกันใน visit เดียวกันได้เลย
https://arounduniversity.lpru.ac.th/index.php/board,1.0.html (https://arounduniversity.lpru.ac.th/index.php/board,1.0.html)
(http://"https://www.lpru.ac.th/webometrics.php")
Webometrics เพื่อการจัดอันดับเว็บไซต์ Webometrics (http://"https://www.lpru.ac.th/webometrics.php") มีชื่อเต็มว่า Webometrics Ranking of World Universities จัดอันดับโดย Cybermetrics Lab หรือ Internet Labเป็นกลุ่มวิจัยสภาวิจัย ณ กรุงแมดดริด ประเทศสเปน ดำเนินการตั้งแต่ปีค.ศ. 2004(2547) ใช้ชื่อเว็บไซต์ www.webometrics.info เป็นการวัดความสามารถในการผลิตผลงานทางวิชาการที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต วัดความสามารถการเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพหรือมหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (e-University) และกิจกรรมผ่านทางอินเทอร์เน็ต มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดอันดับเว็บที่มีการเผยแพร่ผลงานที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เป็นกิจกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งการจัดอันดับของ Webometricsจะดูจาก
Size (S) คือ จำนวนเว็บเพจจากเว็บไซต์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้โดเมนเดียวกัน
Visibility (V) คือ จำนวนลิงค์ที่มีการเชื่อมโยงหรืออ้างอิงมาจากเว็บภายนอกทั่วโลกที่ลิงค์มายังเว็บเพจที่แสดงถึงการเข้าถึงและผลกระทบของ web publication นั้นๆ
Rich File (R) คือ จำนวนแฟ้มข้อมูลหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ภายในโดเมนเดียวกัน
Scholar (Sc) คือ จำนวนบทความวิชาการ การอ้างอิงบทความทางวิชาการที่ปรากฎภายในโดเมนของมหาวิทยาลัยและสามารถสืบค้นได้ด้วย Google Scholar
อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ
Webometrics เพิ่มเติมที่ >>>
https://www.lpru.ac.th/webometrics.php (http://"https://www.lpru.ac.th/webometrics.php") (http://"https://www.lpru.ac.th/googlescholar.php")
ทำความรู้จัก 'Google Scholar คืออะไร' Google Scholar (http://"https://www.lpru.ac.th/googlescholar.php") ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 ถูกใช้เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของวรรณกรรมทางวิชาการ ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลอ้างอิงกับแหล่งอื่นๆ และติดตามงานวิจัยใหม่ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ขอบข่ายคร่าวๆ ที่สามารถเข้าถึงได้โดย Google Scholar ทั้งหมดนี้คือส่วนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือวิจัยที่มีประสิทธิภาพซึ่งเปิดให้บริการผ่าน Google Scholar
Google Scholar เปิดให้ทุกคนเข้าใช้งานได้ เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลในการค้นหา ข้อมูลต่าง ๆ เช่น วารสาร เอกสารการประชุม หนังสือวิชาการ วิทยานิพนธ์และวิทยานิพนธ์ บทคัดย่อ รายงานทางเทคนิค วรรณกรรมทางวิชาการอื่น ๆ จาก งานวิจัยที่กว้างขวาง เป้นต้น
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ หรือผู้ที่สนใจ Google Scholar สามารถช่วยให้ผู้ที่เขียนบทความวิชาการสร้างบรรณานุกรมได้ง่ายขึ้น และทุกคนสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของมันได้
อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ
Google Scholar เพิ่มเติมที่ >>>
https://www.lpru.ac.th/googlescholar.php (http://"https://www.lpru.ac.th/googlescholar.php") (http://"https://www.lpru.ac.th/sdgs.php")
SDGs คืออะไร เป้าหมาย 17 ประการ มีอะไรบ้าง มาดูกัน Sustainable Development Goals (SDGs) (http://"https://www.lpru.ac.th/sdgs.php") คือแผนการพัฒนาโลกเพื่อความยั่งยืน
มีเป้าหมายจะขจัดความยากจนให้หมดไป พร้อมๆ กับดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกคน ทุกตัว ทุกที่บนโลก แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
โดยมีองค์การสหประชาชาติ (United Nations) เป็นหัวเรือใหญ่ในการชวนเชิญ 193 ประเทศสมาชิกทั่วโลกมาร่วมมือกันจัดทำขึ้น
โดยมีกรอบระยะเวลา 15 ปีให้แต่ละประเทศวางแผนและติดตามผล เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 17 ข้อ ภายในปี 2573
- ขจัดความยากจน (No Poverty)
- ขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมเกษตรกรร อย่างยั่งยืน (Zero Hunger)
- การมีสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and well-being)
- การศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม และทั่วถึง (Quality Education)
- ความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง (Gender Equality)
- การจัดการน้ำและสุขาภิบาล (Clean Water and Sanitation)
- พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ (Affordable and Clean Energy)
- การจ้างงานที่มีคุณค่า และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Decent Work and Economic Growth)
- ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน (Industry, Innovation and Infrastructure)
- การลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequalities)
- เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities)
- แผนการบริโภค และการผลิตที่ยั่งยืน (Responsible Consumption and Production)
- การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Action)
- ชีวิตใต้ผืนน้ำ การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล (Life Below Water)
- การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก (Life on Land)
- ส่งเสริมสังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก (Peace and Justice Strong Institutions)
- ความร่วมมือเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnerships for the Goals)
อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ
SDGs เพิ่มเติมที่ >>>
https://www.lpru.ac.th/sdgs.php (http://"https://www.lpru.ac.th/sdgs.php") (http://"https://www.lpru.ac.th/scimago.php")
เกณฑ์การจัดอันดับจาก SCImago วัดจากอะไร ? ม.ไทยติดอันดับระดับโลกได้อย่างไร ?ซึ่งวันนี้เราจะนำเกณฑ์การจัดอันดับของ
SCImago (http://"https://www.lpru.ac.th/scimago.php") มาให้ดูกันว่าเกณฑ์การจัดอันดับวัดจากอะไรบ้าง SCImago Institutions Rankings (SIR) จัดอันดับโดยการดึงชื่อและข้อมูลสถาบัน/หน่วยงาน จากฐานข้อมูล Scopus โดยการจัดอันดับนั้นสามารถดูได้ทั้งแบบในภาพรวม คือ ไม่แยกประเภทสถาบัน/หน่วยงาน ไม่แยกตัวชี้วัด และไม่แยกสาขาวิชาในการจัดอันดับ หรือเลือกดูเฉพาะกลุ่ม โดยแยกเป็น
- ตามประเภทสถาบัน/หน่วยงาน แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ Government, Health, Universities, Companies, Non-profit และ All sectors (รวม 5 กลุ่มแรกเข้าไว้ด้วยกัน กรณีต้องการดูการจัดอันดับแบบไม่แยกตามประเภทสถาบัน/หน่วยงาน)
- ตามตัวชี้วัด แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ Research rank, Innovation rank, Societal rank และ Overall rank (รวม 3 กลุ่มแรกเข้าไว้ด้วยกัน กรณีต้องการดูการจัดอันดับแบบไม่แยกตามตัวชี้วัด)
- ประเภทสาขาวิชา ซึ่งแบ่งเป็น 19 กลุ่ม เช่น Agricultural and biological sciences และ Computer science
อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ
SCImago เพิ่มเติมที่ >>>
https://www.lpru.ac.th/scimago.php (http://"https://www.lpru.ac.th/scimago.php") (http://"https://www.lpru.ac.th/ahrefs.php")
Ahrefs คือหนึ่งในเครื่องมือสำหรับทำ SEO ที่เป็นที่นิยมที่สุด Ahrefs (http://"https://www.lpru.ac.th/ahrefs.php") มีฟีเจอร์มากมายเพื่อช่วยให้เราวางแผน ติดตามผล และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำ SEO เพื่อให้เราติดอันดับบน Google ได้ ไม่ว่าจะเป็น Backlink Checker, toolbar, keyword research, competitors analysis ไปจนถึงการทำ site audits
โดยจะขอแบ่ง Ahrefs ออกเป็น 5 ฟีเจอร์หลักๆ ดังนี้
- Site Explorer (วิเคราะห์เว็บไซต์)
- Keyword Explorer (วิเคราะห์คีย์เวิร์ด)
- Site Audit (ตรวจสุขภาพเว็บไซต์)
- Rank Tracker (ติดตามการจัดอันดับ)
- Content Explorer (วิเคราะห์และออกแบบเนื้อหา)
ศึกษาข้อมูลและวิธีใช้เกี่ยวกับ
Ahrefs เพิ่มเติมที่ >>>
https://www.lpru.ac.th/ahrefs.php (http://"https://www.lpru.ac.th/ahrefs.php")ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.lpru.ac.th/